อีสานแรกในชีวิต - อุดรธานี : วัดป่าภูก้อน / คำชะโนด
22/07/17 : Cabin crews prepare for take off.
สิ้นเสียงประกาศเครื่องบินก็ทะยานขึ้นบนท้องฟ้า ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง
ปุยเมฆบางๆเคลื่อนผ่านปีกเครื่องบินไป ภาพบ้านเรือนและตึกสูงที่เห็นอยู่เบื้องล่าง
ดูเล็กจิ๋วไปถนัดตาจากบนนี้
"เธอเท่านั้น เธอคือคนพิเศษ เสกให้ใจของฉันโบกปีกบินสู่ฟ้า
คอย ยังคอย ให้เธอมาประคองแล้วพูดว่า เมื่อเธอหลับตา ก็คิดถึงกันและกัน"
เพลงคนพิเศษ ที่ร้องโดย ป๊อป แคลอรี่ส์ บลาห์ บลาห์ ผุดขึ้นมาในหัวฉันทันที
อีสานแรกในชีวิตของฉัน กับจังหวัดอุดรธานี ฉันเพลนกับพี่ที่ออฟฟิศอีก2คน ในการจองตั๋ว
และที่พักล่วงหน้าแค่ 2อาทิตย์ จุดมุ่งหมายของฉัน คือการได้เห็นป่าคำชะโนดของจริงสักครั้ง
ก็ต้องยอมรับว่า ละคร นาคี และ ตำนานผีจ้างหนัง ประจวบกับเวลาที่เหมาะสม ได้นำฉันมาที่นี่ในที่สุด
เรามาถึงอุดรฯกันเกือบ 11โมง หลังจากรับรถเช่าเสร็จ ก็มุ่งหน้าไปยังร้าน ส้มตำเจ๊ไก่
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ส้มตำร้านนี้มีชื่อว่าต้องมากิน และรสชาดก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง ราคาก็ไม่แพง
อิ่มอร่อย อารมณ์ดีกันแล้ว ก็ขับรถต่อไปยังที่พักที่ ประจักษ์โฮสเทล เก็บสัมภาระเรียบร้อย
เราก็ออกเดินทางไปยังวัดป่าภูก้อนกันค่ะ ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ฝนก็ตกปรอยๆเป็นระยะๆ
พื้นช่วงไหนที่ยังเป็นดินแดง ก็จะแฉะๆลื่นๆกันหน่อย แต่ข้างทางก็จะเขียวชะอุ่มสบายตา
ช่วงหน้าฝนก็จะประมาณนี้
เรามาถึง วัดป่าภูก้อนกันเกือบ 4โมงเย็น ด้วยสภาพรถสีขาวที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีส้มอิฐไปเกือบค่อนคัน
ด้านในของวัดประดิษฐาน พระนอนองค์ใหญ่สีขาว สถานที่รอบวัดสะอาดสะอ้าน
และวิวด้านบนที่เราเห็นอยู่นี้ ก็ต้องบอกว่ามันคุ้มค่ากับการเดินทางมาสัมผัสเหลือเกิน
หลังจากไหว้พระขอพร เดินดูวิวโดยรอบเสร็จเราก็ขับรถกลับมายังถนนคนเดินในตัวเมืองอุดรฯ
หลังจากไหว้พระขอพร เดินดูวิวโดยรอบเสร็จเราก็ขับรถกลับมายังถนนคนเดินในตัวเมืองอุดรฯ
เพื่อทานข้าวเย็นกัน ต้องบอกว่าเป็นถนนคนเดินที่ยาวมากๆๆ พอมาถึงสุดถนน
เราก็เจอร้านสุกี้นิมิตโภชนา เสิร์จดูรีวิวกันนิดหน่อย ก็เดินเข้าร้านไปลองกันเลยค่ะ
ความรู้สึกเหมือนตอนเด็กๆที่เรากินเคนตันสุกี้ครั้งแรก เป็ดดี ลูกชิ้นและเนื้อสด ไม่มีกลิ่น
ร้านสะอาด พนักงานบริการดี จบมื้อเย็นด้วยความแฮปปี้
เราออกมาเดินย่อย รอบๆถนนคนเดินกันอยู่พักใหญ่ ก่อนจะปิดท้ายค่ำคืนแรก
ด้วยการไปดูเป็ดเหลือง อันเป็นเอกลักษ์ของจังหวัดอุดรฯที่หนองประจักษ์
เวลา4ทุ่มกว่าก็ยังมีคนมานั่งชิล ถ่ายรูปคู่กับเป็ดเหลืองอยู่บ้าง
ฉันนั่งลงตรงขั้นบันไดพร้อมไอติมไมโลในมือ มองดูเป็ด สูดลมหายใจ
และรู้สึกถึงลมเย็นๆที่พัดผ่านไปเบาๆ...อั้มมม ฝันดี......
23/07/17 : เช้าวันที่2 เรานัดรวมตัวทานข้าวเช้ากันตั้งแต่6โมงกว่าๆและออกเดินทางไปยังคำชะโนด
ใช้เวลาขับรถประมาณชั่วโมงครึ่ง อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนตั้งแต่เช้า และสายฝนก็โปรยลงมาเป็นเพื่อนเรา
ตลอดการเดินทาง ฉันแอบอธิษฐานในใจว่าขอให้ฝนหยุดตกตอนที่เราไปถึงวัดทีเถอะ
และก็เป็นไปตามคำขอค่ะ
นอกจากฝนจะหยุดตกแล้ว เรายังได้ที่จอดรถสวยๆแบบไม่ต้องรอกันเลยทีเดียว
เราซื้อบายศรีฯกันมาจากร้านข้างทางก่อนถึงวัดแล้ว ส่วนฉันก็มาอุดหนุนพวงมาลัยกับหมากพลู
จากพ่อค้าแม่ค้าที่โบกเรียกเราให้เห็นที่จอดรถเป็นการขอบคุณ
และต้องบอกว่าพ่อค้าแม่ค้า ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ทุกคนน่ารักมากๆค่ะ
พอเห็นพวกเราเดินถือบายศรีฯกันงงๆ
ก็ช่วยบอกทางให้ ก่อนที่จะเดินข้ามทางเข้าเกาะคำชะโนด ต้องถอดรองเท้าก่อน มันก็จะเฉอะแฉะกันนิดนึง
เพราะฝนเพิ่งจะหยุดตกไป
ก้าวแรกที่เดินข้ามสะพานไป ก็รู้สึกเย็นๆตามที่เคยมีคนเคยบอกไว้เลยค่ะ
และก็ต้องบอกเลยค่ะว่าทริปนี้เราได้สัมผัสความมีน้ำใจและรอยยิ้มของคนร่วมทางที่พบเจอ
คุณลุงคุณป้าที่เดินมาเจอพวกเราไม่เอาบายศรีฯออกจากถุงพลาสติก
แกก็ช่วยบอกและยังแนะนำว่าให้ลูบรูปปั้นพญานาค พร้อมอธิษฐานไปด้วย
ส่วนใครใคร่จะเอากระเป๋าสตางค์ออกมาลูบเพื่อความเฮงก็ไม่ว่ากัน เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ
เดินจนสุดสะพานเข้ามาที่เกาะ คนยืนรอทำพิธีกันเยอะมากๆ เราก็อาศัยถามเจ้าหน้าที่บ้าง
ทำตามคนยืนข้างๆบ้าง เดินไหลๆตามเค้าไปบ้างถ้าคนน้อยๆบรรยากาศก็ชวนขนลุกอยู่ไม่น้อยเลย
เพราะไม่ว่าเราจะหันหรือเงยหน้าไปทางไหน ก็จะเห็นต้นชะโนดสูงอยู่เหนือหัวเราตลอดเวลา
เราไหว้ขอพรจากพ่อปู่ศรีสุทโธ และแม่ย่าปทุมมา ไปดูบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ไปลองลูบฆ้อง เรียกได้ว่าครบ
หลังจากเดินกลับมายังตัววัด ในขณะที่พี่คนนึงกำลังเลือกซื้อเลขเด็ด
และพี่อีกคนกับสามีเค้าก็ปอกส้มกินกันไปพลางๆ ฉันก็ตรงไปซื้อข้าวจี่จากร้านข้างทาง
เราขับรถออกจากคำชะโนดมายังตัวเมืองอุดรฯ แวะกินแหนมเนือง V.T. ตอนบ่ายแก่
ก่อนจะตรงสู่สนามบินอุดรฯ บอกลาทริปอีสานแรกของฉันพร้อมแสงสุดท้ายยามเย็น
จบทริปลงอย่างสนุกสนาน
กระทะล้อรถเช่าหายไปหนึ่งข้าง อิ่มบุญอิ่มท้องเต็มอิ่มด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
มีโอกาสจะกลับไปอีกแน่นอนอุดรธานี ❤️💕
ความคิดเห็น